Sunday, 19 May 2024
เซาท์ไทม์

“บิ๊กป้อม” เข้าพบผู้นำจชต. เผยจะเพิ่มจำนวนครูให้เหมาะสม พร้อมเพิ่มค่าตอบแทนให้ครูเต็มที่

มื่อวันที่ 17 มี.ค.66 พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมด้วย รมช.กห.และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า(จ.ยะลา)โดยในช่วงบ่ายได้พบปะผู้นำศาสนา และเครือข่ายโรงเรียนตาดีกา รวมถึงผู้นำท้องถิ่น ในพื้นที่ จชต. ณ โรงเรียนประสานวิทยามูลนิธิ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยพล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณที่มาให้การต้อนรับ และให้ความร่วมมือช่วยกันพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้สันติสุข ในการดำรงชีวิตที่ผ่านมา เป็นอย่างดี

 

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเจตจำนงในการเดินทางมาพบในครั้งนี้ เพื่อต้องการส่งเสริมการดำรงชีวิตตามหลักการศาสนาของพี่น้องมุสลิม สนับสนุนค่าอาหารกลางวันตาดีกา ต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มจำนวนครูผู้สอนให้เหมาะสม กับสัดส่วนนักเรียน และอื่นๆ รวมทั้งการสนับสนุนครูโรงเรียนเอกชน ให้มีสิทธิ และการเพิ่มค่าตอบแทน/ค่าเสี่ยงภัยครู และผู้บริหารด้วย . จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง สหกรณ์นิคมปิเหล็ง จำกัด จ.นราธิวาส เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ทับซ้อนกับพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสหกรณ์ในท้องที่ อ.ระแงะ และ อ.สุไห ปาดี และ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และได้กล่าวมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งรัดแก้ปัญหาอันเนื่องจากกฎหมายของรัฐ มีการทับซ้อนกับพื้นที่ป่าไม้ เขตอุทยานแห่งชาติฯ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าพรุ ที่เกี่ยวข้องกับ ทส. ทำให้ชาวบ้านขาดสถานะกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดิน มากกว่า 33ปีแล้ว 

 

ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ ศอ.บต. ประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ กระทั่งประสบผลสำเร็จในระดับพื้นที่ เรียบร้อยแล้ว ต่อไปชาวบ้านจะสามารถนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เพื่อการดำรงชีพ การประกอบอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ สามารถเลี้ยงดูตนเอง และครอบครัวได้ต่อไป . จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้พบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก อย่างเป็นกันเอง และเดินทาง ต่อไปยัง อ.สุไหโกลก จ.นราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการด่านชายแดนพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถสร้าง/เพิ่มรายได้ ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง2ประเทศ ด้วย จากนั้นได้พบปะพี่น้องประชาชน และนักธุรกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ สวนมิ่งขวัญประชา ก่อนเดินทางกลับ กทม.โดยสวัสดิภาพ

FLASH BOMBER เอเจนซี่โฆษณาน้องใหม่ไทย พร้อมเฉิดฉายงานโฆษณาสุดปังแล้ว!

FLASH BOMBER เอเจนซี่โฆษณาน้องใหม่ล่าสุดในประเทศไทย ที่จะมาระเบิดวงการการตลาด ซึ่งนำโดย ระเบิด-ธนสรณ์ เจนการกิจ ครีเอทีพแชร์แมน และผู้ก่อตั้ง FLASH BOMBER คือ กลุ่มกองกำลังโฆษณาที่มีรางวัลติดตัวมามากกว่า 100 รางวัลจากทั้งไทย และทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Cannes Lions, D&AD, One Show, London, New York Festival, Spike Asia, Adman และอีกมากมาย โดยชูจุดแข็งในการเป็นผู้เชี่ยวชาญใน Sub-Culture Marketing พร้อมจะพาแบรนด์ของคุณไปสู่จุดสูงสุดโดยไม่สนยุทธวิธี

 

ระเบิด-ธนสรณ์ เจนการกิจ เป็นที่รู้จักดีจากการสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นหนึ่งใน ครีเอทีพที่นำรางวัลใหญ่ที่สุดจากเทศกาลโฆษณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง Cannes Lions Festivals (ที่เปรียบเสมือน Oscar ของวงการโฆษณา) มาสู่ Agency ในประเทศไทย ซึ่งในงานชิ้นนั้น (The Unusual Football Fields) ยังเป็นงานที่ได้รับการยอมรับให้เป็น 1 ใน TIME's 25 Innovations ของปี 2016 (เทียบเท่าการสร้างสรรค์ Airpod ของ Apple)

 

FLASH BOMBER เข้าใจดีว่าวันนี้ ไม่มีการสื่อสานเดียวสำหรับทุกกลุ่มอีกต่อไป โลกมีความหลากหลายและซับซ้อนกว่าที่เคย และผู้บริโภคกำลังมองหาแบรนด์ที่พูดคุยกับพวกเขาแบบ “ส่วนตัว” นั่นคือเหตุผลที่ FLASH BOMBER มุ่งเน้นไปที่ Sub-Culture Marketing โดยตอบสนองความสนใจ และความหลงใหลเฉพาะกลุ่มจริงๆ

 

เหตุที่ FLASH BOMBER เชี่ยวชาญใน Sub-Culture เพราะในฐานะทีม เราเชื่อในความหลากหลายของผู้คน และเข้าใจความสนใจของกลุ่มคนที่หลากหลายที่มีอยู่ในตลาด ความสนใจของผู้บริโภคแตกต่างกันไปอย่างมาก อย่างเช่น รถมอเตอร์ไซค์เท่ๆ สักคัน เราขายได้ตั้งแต่วัยรุ่นฮาราจูกุ ยันคนชอบพระเครื่อง ถ้าเรารู้ และจับความสนใจเค้าได้ตรง หรืออย่างที่เราเคยทำ เราคือคนแรกที่ขายผลิตภัณฑ์ความงามโดยมุ่งไปที่กลุ่มคนที่มีความเชื่อส่วนบุคคลแบบมูเตลู

 

ในการกำหนดเป้าหมายตลาดของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญ คือ ต้องเข้าใจ และยอมรับความแตกต่างของวัฒนธรรมย่อย ด้วยการระบุและตอบสนองความสนใจ และพฤติกรรมเฉพาะของตลาดเฉพาะกลุ่มของ Brand คุณสามารถสร้าง Community ที่ทั้งภักดี และมีส่วนร่วม ดังนั้นอย่ากลัวที่จะเจาะจงและเจาะลึกเข้าไปใน Sub-Culture ของตลาดของคุณ เพราะนั่นคือจุด WIN ที่แท้จริง

 

ทั้งนี้ ระเบิด-ธนสรณ์ เจนการกิจ ยังโดดเด่น ด้วยการทำงานในวงการ Digital Marketing มามากกว่า 10 ปี รวมถึง ผลงาน Outdoor (ผลงานไม่ไปไหนไป Netflix กับ Billboard ที่ชวนให้คุณวนรถกลับบ้านไปดู Netflix แทนที่จะไปทนกับรถติดในช่วงปีใหม่) รวมถึงงาน Activation และ Experience อีกมากมาย ที่ สามารถสร้างสรรค์จนเป็นที่จดจำในระดับโลก และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ทุกแบรนด์ที่ผ่านมา

 

ถ้าคุณกำลังต้องการ Agency ที่พร้อมไปด้วย Passion ที่จะสร้างงานที่ทำให้สินค้า และแบรนด์ของคุณประสบความสำเร็จไปด้วยกันทั้งในด้านยอดขาย ชื่อเสียง และรางวัล ด้วยความ Innovative ที่มี FLASH BOMBER คือคำตอบนั้น ด้วยการนำของ ระเบิด-ธนสรณ์ เจนการกิจ

 

เตรียมบรีฟของคุณให้พร้อม! มารับประสบการณ์ที่คุณจะประทับใจกับพลังของ Sub-Culture Marketing ไปกับ FLASH BOMBER

 

Let’s Bomb it out loud!

ขอให้เชื่อใจ "นิพนธ์" ลั่น "จุรินทร์" พร้อมนั่งนายก หากปชช. เชื่อมั่น และไว้วางใจ

เมื่อวานนี้ (19 มี.ค. 66) บนเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สนามช้างเผือก อ.เมือง จ.ยะลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์/ผอ.เตรียมการเลือกตั้งพรรคฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์เลือกหัวหน้าพรรคมานั้นคนๆนั้นต้องพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคปชป.นั้น เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมของการเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดี เพราะจากการที่ไปนั่งบริหารงานในฐานะรัฐมนตรีหลายกระทรวงก็สามารถจัดการแก้ไขปัญหาที่ค้างคาสะสมได้ทั้งหมด 

 

อีกทั้ง ยังมีการคิดงานใหม่ๆที่ประชาชนได้ประโยชน์มหาศาล ที่ฝากผลงานมาถึงปัจจุบัน อย่างเช่น นโยบายเรียนฟรี ตอนไปนั่งกระทรวงศึกษา การจัดให้การแข่งฟุตบอลโปรวิเชี่ยนลีคจนมาเป็นอาชีพจนมาปัจจุบันที่เรียกว่าไทยแลนด์ลีก โครงการอะเมซซิ่งไทยแลนด์ส่งเสริมการท่องเที่ยวจนปัจจุบันการท่องเที่ยวก็เป็นรายได้ที่สำคัญของประเทศ 

 

และยังมีอีกหลากหลายนโยบายที่ได้ทำเพื่อพี่น้องประชาชน ดังนั้นขอให้มั่นใจได้ว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านการบริหารกระทรวงต่างๆ มาหลายกระทรวง จนถือเป็นนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพและเป็น ส.ส.มาหลายสมัยนั้นจะช่วยนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ เกิดความผาสุกของพี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน หากพี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ

ลุง 72 ปี สู้ชีวิต ขายปลาหมึกบด 30 ปี น้ำจิ้มเด็ดทำเอง รายได้สุดปัง

วันที่ 20 มีนาคม 2566 ลุงสมปอง ตันเจริญ วัย 72ปี ชาวจังหวัดสตูลทำอาชีพ ขับรถซาเล้งหรือรถพ่วง ขายปลาหมึกแห้ง นำบดกับเครื่องบดท้องแดงขายสู้ชีวิต ที่นำวัตถุดิบปลาหมึกที่รับสั่งตรงมาจากในพื้นที่จังหวัดสตูล และต่างจังหวัด โดยเริ่มต้น ขายตัวละ 5 บาท ตามขนาด โดยมีรถซาเล้ง (หรือรถพ่วงข้าง ) คู่กาย ขับออกตระเวนขายทั่วเมืองสตูล จะออกขายในช่วงเวลา 05.00 น จนถึง 22.00 น. ขายทุกๆวัน และขายมานานกว่า30ปี

 

ลุงสมปอง ตันเจริญ วัย 72ปี ขายปลาหมึกบดตัว 5 บาท กล่าวว่า เขาไม่มีญาติพี่น้องอยู่เพียงลำพัง และอาศัยบ้านคนรู้จักนอน และนอนอยู่หลังร้านค้าคนรู้จักนอน เพราะญาติพี่น้องลูกหลานไม่มี แต่ไม่เคยคิดย่อท้อ จึงต่อสู้ชีวิต ทำปลาหมึกบดขายตัวละ 5 บาท และมีตัวใหญ่ก็ขายอยู่ที่ ตัวละ 150 บาท รวมแล้วแต่ละวันมีรายได้จากการขายปลาหมึกเพียง 600 บาท ถึง 1,500 บาท ก็พอได้ใช้จ่าย และเป็นทุนในการขาย

 

นอกจากนี้มีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบมาอุดหนุนซื้อน่าจะติดใจสูตรน้ำจิ้มสูตรโบราณ โดยใช้น้ำมะขาม และถั่วบด รสชาติเผ็ดหวาน และมีลูกค้าขาจรและขาประจำต่างได้ลองลิ้มชิมหมึกบดแล้วบอกว่าปลาหมึกราคาถูกหาชื้อทานยากในราคา 5บาท และยังบอกอีกว่าเนื้อปลาหมึกย่างบดแล้วเหนียวนุ่ม น้ำจิ้มก็อร่อย พร้อมกันนี้นายสมปอง ตันเจริญ อายุ 72 ปี กล่าวอีกว่า เมื่อก่อนขายดีกว่านี้ เพราะตนเองจะพาปลาหมึกบดนี้ ลงไปให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบนเกาะตรุเตา ในจังหวัดสตูล นั่งเรือไปเช้า - เย็นกลับ เพราะเกาะตะรุเตา อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง

 

รวมทั้งชาวต่างชาติได้ชิมติดใจ และตอนนี้ตนเองอายุมากขึ้นร่างกายไม่ไหวในการต้องขึ้นนั่งเรือ ขนของไปขายปลาหมึกแห้งต้องเปลี่ยนวิธีการขายมาขายในเมืองสตูลแทน โดยขับรถตะเวรขายรอบเมืองสตูล เหตุผลที่ขายถูกปลาหมึกแห้งบด นี้ เพราะลุงอยากให้คนที่มีตังน้อยได้ชิมได้กินปลาหมึก ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพราคาแพงเลยอยากให้คนได้กินกัน ถึงจะได้กำไรไม่มากแต่ลุงก็มีความสุขที่ได้แบ่งปันน้ำใจและขายให้คนที่อยากกินแต่มีสตางค์น้อยได้กิน และลุงทิ้งทายว่า ปลาหมึกบดของลุงนั้นเหนียวนุ่ม น้ำจิ้มรสเด็ด คุ้มค่าความอร่อย

นิพิฏฐ์ ปลุกกระแส โพสต์ เฟซบุ๊กส่วนตัว ล้มบ้านใหญ่ปักษ์ใต้กันเถอะครับ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ “ล้มบ้านใหญ่ปักษ์ใต้กันเถอะครับ” ระบุ บ้านใหญ่ มาพร้อมกับระบบอุปถัมภ์ ที่ใดประชาธิปไตยอ่อนแอ ที่นั่นระบบอุปถัมภ์จะแข็งแรง ประชาธิปไตย

 

จึงมีหลักให้มนุษย์เป็น ”เสรีชน” ไม่อยู่ภายใต้ร่มเงาของบ้านใหญ่ ภาคอื่นระบบ ”บ้านใหญ่” ล้มหายตายจากไปเกือบหมดแล้ว เพราะคนกลายเป็นอิสระ ไม่ยอมก้มหัวให้บ้านใหญ่ แต่แปลก!!! บ้านใหญ่กลับมาเกิดระบาดขึ้นในภาคใต้ลองดูสิครับ ตั้งแต่ชุมพร ลงไปถึงยะลา มีบ้านใหญ่ทั้งนั้น เกิดอะไรขึ้นกับ ”ปักษ์ใต้บ้านเรา”

 

ทำไมบ้านใหญ่ต้องส่งลูกหลานลงส.ส.กันทั้งครอบครัว ไม่เว้นให้ลูกชาวบ้านเขาเป็น ส.ส.บ้างหรือ?

 

“ลูกชาวบ้านจะดี หรือ ไม่ดี ผมไม่รู้ ขอให้อนาคตตัดสิน ผมเพียงขอโอกาสให้ลูกชาวบ้านบ้างเท่านั้นเอง ถ้าพี่น้องคนปักษ์ใต้ ยังไม่ยอมปลดปล่อยตัวเองเป็น ”ไท” ยอมสวามิภักดิ์บ้านใหญ่ ก็ตามใจท่าน แต่หากใจท่านใหญ่ ปลดปล่อยตัวเองให้เป็น ”ไท” โปรดเปิดโอกาสให้ลูกชาวบ้านได้เป็นส.ส.บ้าง มากับผมครับ “ล้มบ้านใหญ่ปักษ์ใต้” แล้วมาดูกันว่า จังหวัดไหนทำได้”

 

ความชัดเจนการเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.

วันที่ 22 มี.ค.2566 - นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงความชัดเจนการเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ลงสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคว่า

 

โดยหลักการผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่งเป็นของหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว นอกจาก พล.อ.ประวิตรจะติดขัดก็จะพิจารณาอีกที ส่วนลำดับอื่นๆ จะเป็นกรรมการบริหารพรรคเรียงไปตามลำดับ ถือเป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมือง ยกเว้นบางพรรคที่เป็นครอบครัวอาจให้หัวหน้าครอบครัวก่อน หรืออาจมีใครที่ใหญ่กว่าหัวหน้าพรรค เพราะโครงสร้างแต่ละพรรคไม่เหมือนกัน

 

แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐหัวหน้าพรรคคือเบอร์หนึ่งแน่นอน นายชัยวุฒิ กล่าวว่าส่วนพรรคพลังประชารัฐจะมีความชัดเจน เรื่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อเมื่อไหร่นั้น น่าจะเป็นวันที่ 28 มี.ค.นี้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ของพรรค

 

เพราะต้องมีการประชุมทำไพรมารีโหวตก่อน และต้องประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพราะกระบวนการพิจารณาสุดท้าย อยู่ที่กรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 มี.ค.นี้ และวันที่ 30 มี.ค.จะแถลงเปิดตัว

 

พรรคภูมิใจไทย มี “นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน ฟรี !

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย กล่าวในเวทีเสวนาออนไลน์ : ล้านหลังคา ล้านโซล่าเซลล์ จัดโดย สภาองค์กรของผู้บริโภค โดยนำเสนอว่า พรรคภูมิใจไทย มี “นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน ฟรี ! หลังคาโซล่าเซลล์ ลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อน เดือนละ 100 บาท 60 งวด”

 

โดยคาดว่าจะมีการติด โซล่าเซลล์ 21 ล้านหลังคาเรือน เราคิดว่าจะติดให้ฟรีทุกครัวเรือน เป็นเรื่องที่สามารถทำได้จริง โดยแหล่งเงินจะมาจากการทำกองทุนขายพันธบัตร ระดมทุนให้สามารถติดโซล่าเซลล์ ได้ทุกหลังคาเรือน

 

“ทำเหมือนกับการเปลี่ยนระบบโทรทัศน์จากระบบอนาล็อก ไปเป็นโทรทัศน์ระบบดิจิตอล เมื่อไม่นานที่ผ่านมา เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ให้สามารถทำฐานการผลิตโซล่าเซลล์ ในประเทศไทย คิดดูว่าจะทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมหาศาล คิดดูว่า 21 ล้านหลังคาเรือน จะมีการจ้างงานเท่าไหร่ ในปีที่ผ่านมา เรื่องหลังคาโซล่าเซลล์ เติบโตเพียง 1% ประเทศไทยไม่มีโรงงานผลิตโซล่าเซลล์ หากการติดโซล่าเซลล์ 20 ล้านหลังคาเรือน เกิดขึ้น เราจะเป็นฐานโรงงานผลิตโซล่าเซลล์ และเกิดกาจ้างงานมหาศาล และผลิตไฟฟ้า ได้ประมาณครึ่ง ของพลังงานที่ผลิตในประเทศ เป็นพลังงานสะอาด”

 

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า วันนี้โลกมีกำแพงเกิดขึ้น เรียกว่าคาร์บอนเครดิต หากเรามีอากาศสะอาด เป็นเรื่องที่สามารถดึงดูดนักลงทุนในประเทศได้ง่ายกว่า ติดให้กับทุกหลักคาเรือน ขนาดประมาณ 3 KVA หรือคิดเป็น 450 บาท ที่จะสามารถประหยัดค่าพลังงานได้ หากนโยบายพรรคภูมิใจไทย สำเร็จ อาจจะให้รวมกลุ่มชุมชน ขายตรงให้โรงงานอุตสาหกรรม ไม่ต้องเสียส่วนต่างให้การไฟฟ้าได้อีกด้วย

 

นายสิริพงศ์ กล่าวด้วยว่า นโยบายชุดนี้ มีเรื่อง มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยกำหนดสิทธิ์ 1 หลังคาเรือน ที่ติดตั้งโซล่าเซลล์ จะได้สิทธิ์ซื้อได้ 1 คัน ดังนั้น 21 ล้านหลังคาเรือน คิดดูว่าจะเกิดการปฎิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า อาจจะเป็นที่ 1 ของอาเชีย หรือที่ 1 ของทวีปเอเชีย ได้เลย เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ แต่ทั้งหมดมีปัญหาอุปสรรค์ ที่ต้องไปติดปัญหาเรื่องต่างๆ ทั้งใบอนุญาต ไปติดเงื่อนไขอุตสาหกรรม กรมโรงงาน แต่พรรคภูมิใจไทยทลายทุกข้อจำกัด นโยบายนี้จะเป็นจริง ถ้านายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคภูมิใจไทย จะต้องได้เสียงมากพอ เราจะทำนโยบายนี้ได้แน่นอน

 

‘‘พนันออนไลน์กับระบบคอร์รัปชั่น’’

วันที่ 22 มีนาคม 2566 ชมรมต่อต้านการคอร์รัปชั่น แห่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้กําหนด จัดโครงการเสวนาในหัวข้อ ‘‘พนันออนไลน์กับระบบคอร์รัปชั่น’’ ขึ้น ในวันที่ 22 มีนาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ ห้อง 11 - 0903 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
 
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบมุมมองของเยาวชนต่อเรื่องพนันออนไลน์กับระบบคอร์รัปชั่น ตระหนักรู้ถึงผลของภัยของการพนันออนไลน์และแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดในเรื่องพนันออนไลน์กับการคอร์รัปชั่น เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้มีพื้นที่แสดงความคิดเห็นเพื่อหาทิศทางการพัฒนาประเทศร่วมกันต่อไป
 
โดยมีตัวแทนวิทยากร2ท่านเข้าร่วมเสวนาได้แก่ นายณัฐวีร์ พุ่มระชัฎร์ อดีตประธานชมรมต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ และนายภูริทัต สายแสน ผู้แทนในโครงการ Digital Youth Network Thailand ผู้นําเยาวชนอาสาดิจิทลั ร่วมเสวนาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์กับการคอร์รัปชั่น ซึ่งได้เสนอความความเห็นภายในงานว่า
 
โดยภายในการเสวนานั้นได้มีข้อมูลที่น่าสนใจได้แก่ เหตุผลที่การพนันถึงเป็นที่น่าสนใจ เพราะ การพนันนั้น ไม่ได้จํากัดเพศ วรรณะ และทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะกลุ่ม เยาวชนและการพนันออนไลน์ก็มีสิ่งที่น่าดึงดูดใจให้บุคคลต่าง ๆ เข้าไปทําการเล่นพนันออนไลน์มากขึ้น
 
โดยกลุ่มเยาวชนที่อายุน้อยที่สุด คือ อายุ 7 ปี หรือ ป.1 ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ประชาชนสามารถเข้าถึงการพนันออนไลน์ได้มากขึ้น
 
เนื่องจากเป็นไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ทุกคนสามารถเข้าถึงการพนันออนไลน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยน IP ทําให้การพนันออนไลน์สามารถเข้าถึงได้ง่ายแต่ก็ทําให้ควบคุมยากบรรทัดฐานทางสังคมทําให้เกิดการขัดแย้งในเรื่องของศีลธรรม เกิดการขัดแย้งระหว่างสองความคิดระหว่าง แนวคิดแบบเก่าและแนวคิดแบบใหม่
 
“เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่” การพนันออนไลน์ก็คือการพนันเหมือนกัน สามารถทําให้ “คนเป็นเศรษฐีชั่วคราวแต่เป็นยาจกไปชั่วชีวิต”
 
ส่วนสถานการณ์การพนันออนไลน์นั้น พบว่าใน 2 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2564–2565) พบว่าการพนันออนไลน์มีการเติบโตขึ้นมากเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ทําให้คนในสังคมเกิดความอัดอั้นทางอารมณ์ ประกอบกับการพนันออนไลน์เกิดขึ้นมาก ทําให้การพนันออนไลน์มีการเติบโตขึ้นมาก
 
แม้กระทั่งในต่างจังหวัดก็เริ่มพบเด็กและเยาวชนเล่นการพนันเป็นปกติอีกทั้งบุคคลที่เล่นพนันออนไลน์ ก็ไม่มีความผิดตามกฎหมาย พนัน แต่มีความผิดตาม พ.ร.บ. คอม พ.ศ. 2560 และเมื่อสํารวจเว็บไซต์การพนันออนไลน์ก็พบโดยเว็บไซต์การพนัน ออนไลน์ถึง 214 เว็บไซต์ และทําให้เกิดการฟอกเงิน นําเงินที่ผิดกฎหมายมาเล่นการพนัน ที่มาจากการชิงปล้น หลอกลวง ชิงทรัพย์ผู้อื่นทําให้ครอบครัวเกิดการแตกแยก
 
ส่วนการผลักดันการพนันออนไลน์ให้ถูกต้องตามกฎหมายนั้นต้องผลักดันโดยอํานาจทางการเมืองเราจึงไม่เห็นในประเทศไทย และในบางครั้ง รัฐก็ควบคุมไม่ได้ ในประเทศไทยเองก็มิใช่ว่าจะไม่ควบคุม รัฐบาลรู้ เข้าถึงจริง แต่ขาดความรู้ใน การจัดการอีกทั้งกฎหมายมีความล้าสมัยและมีช่องว่างทําให้เกิดความสับสนว่าหน่วยงานไหนมีอํานาจจัดการทําให้การ เอาผิด การปราบปรามทําได้ยาก ส่วนในมิตินโยบายสาธารณะ ก็เกิดคําถามที่ว่า ไม่ทราบว่ารัฐทราบหรือไม่ทราบเรื่องการ พนันออนไลน์ จนมีบุคคลมาเปิดโปงจึงทราบว่ามีการพนันออนไลน์
 
ภายในงานมีข้อเสนอแนะจากผู้ที่เข้าร่วมเสวนา คือ
 
1. หากเปิดการพนันให้มีการเสรี เราต้องคุ้มมครอง ป้องกัน สิทธิเด็ก รัฐต้องเข้มขวด ออกกฎหมาย และต้องมีการบังคับใช้จริง
 
2. นายกรัฐมนตรี ต้องหาข้อมูล ต้นแบบจากประเทศที่ทําได้อยู่แล้ว และนํามาปรับใช้ในไทย ซึ่งสามารถทําให้เป็น softpower ได้ด้วยอีกทั้งหากมีการสร้างคาสิโนก็จะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้กระจายรายได้ให้กับพื้นที่ที่คาสิโนตั้งอยู่ได้แต่ก็ต้องคํานึงในเรื่องพื้นที่ที่เหมาะสม
 
ทั้งนี้ภายในงานนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ฝากประเด็นในวงเสวนาครั้งนี้ในรูปแบบวิดีโออีกด้วยโดยกล่าวว่า “ขอบคุณผู้จัดงานในครั้งนี้ที่ได้เชิญให้ตนเองมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับหัวข้อนี้ ซึ่งเป็นหัวข้อที่น่าสนใจมาก ดีใจที่เยาวชนให้ความสนใจในเรื่องปัญหาสังคมซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของระบบการเมืองไทยด้วย
 
เพราะกฎหมายห้ามทางการพนันออนไลน์แต่บริบทของสังคมไทยเปลี่ยนไปแล้ว ปัจจุบันมีเว็บการพนันเข้ามามากแพร่หลายมากจนเป็นวิถีชีวิตหนึ่งของสังคมไทยไปแล้ว ซึ่งเราควรจะคุยกันว่ามีการปรับปรุงกฎหมายอย่างไร เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี เพราะทุกวันนี้พอมันผิดกฎหมายก็จะมีการจ่ายส่วย เกิดธุรกิจใต้ดิน เกิดผลประโยชน์ที่ไม่ถูกกฎหมาย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาผมว่าถึงเวลาที่เราจะต้องแก้ไขกฎหมายให้ทันสังคมไทย อยากให้ทุกคนส่งเสียงให้นักการเมืองและพรรคการเมืองนำสิ่งนี้ไปแก้ไขต่อไป”
 
 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ครั้งที่ 1/2566 โดยมี รมช.กห. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

วันนี้ (23 มี.ค.66) เวลา 10.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ครั้งที่ 1/2566 โดยมี รมช.กห. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 

ที่ประชุมได้รับทราบ สถานการณ์ด้านการข่าวในพื้นที่ จชต. ซึ่งมีความคืบหน้าตามแนวทางสร้างสันติสุข โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ หน่วยงานด้านการข่าวให้ติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งเน้นย้ำให้หน่วยงานด้านความมั่นคง เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา ด้วยความรอบคอบ และไม่ประมาท และรับทราบความคืบหน้าของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนด้านต่างๆ

 

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้มีนโยบายให้ คณะอนุฯทุกด้าน เร่งยกระดับการขับเคลื่อน โดยเฉพาะด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด และจัดทำแนวทางการพัฒนาโรงเรียนนำร่อง ที่เป็นต้นแบบความเป็นเลิศทางวิชาการ ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม และใช้ประโยชน์จากสภาสันติสุขตำบลในการขยายผลสร้างความเข้าใจร่วมกัน พร้อมทั้งได้กำชับให้คณะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ช่วยประสาน เร่งรัดการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการนำเรือประมง ออกนอกระบบ ตามที่ ครม.ได้เห็นชอบไปแล้ว จำนวน 96 ลำ

 

จากนั้น ที่ประชุม คปต.ได้พิจารณาเห็นชอบ(ร่าง)แผนการเสริมสร้างประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครประจำพื้นที่ จชต. (ปี66-70) ของ กอ.รมน. เพื่อใช้เป็นแผนหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเป็นกรอบแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม มีความเข้มแข็ง สามารถปกป้องรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนโดยรวม และมีความต่อเนื่อง จากแผนฉบับเดิม สอดรับกับทิศทาง/เป้าหมายการแก้ปัญหา จชต.ในระยะที่ 2

 

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ สมช., กอ.รมน. และ ศอ.บต.ให้ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงาน อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ข้อสั่งการและมติ คปต.ในวันนี้ และให้คณะกรรมการทุกด้าน สนับสนุนการขับเคลื่อนงานในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างสันติสุข และสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ยั่งยืน รองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ชายแดนภาคใต้ ด้วย

 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

จากกรณีการจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคการเมือง ซึ่งกำลังเป็นประเด็นที่สังคมกำลังจับตามองอยู่นั้น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า

 

ผมก็เรียนว่าการจัดปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคการเมืองโดยหลักการก็จะเรียงตามลําดับ ผู้บริหาร คณะทํางาน ซึ่งโดยลําดับหนึ่งก็ต้องเป็นหัวหน้าพรรค แล้วก็รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองหัวหน้า เรียงลงไปซึ่งปกติของพรรคการเมือง พรรคพลังประชารัฐก็จัดตามนี้ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นตามบุคลากรหรือคนที่มีบทบาทมาช่วยงานในพรรคพลังประชารัฐเป็นเรื่องปกติ เพื่อมาช่วยกันขับเคลื่อนงานสภาและงานการเมืองในอนาคตหลังการเลือกตั้ง

 

ความรู้สึกความอบอุ่นของพลเอกประวิตรกับลูกๆที่ถ่ายรูป อย่างพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นพรรคที่ก่อตั้งมาหลายปีแล้วก็สามารถร่วมแรงร่วมใจกันทํางานมาครบสี่ปี เราอาจจะมีการขัดแย้งกันบ้าง มีคนเข้าบ้างคนออกบ้าง แต่ว่าทุกคนก็ยัง รักและเคารพท่านพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรค ก็คิดว่าถ้าเป็นพ่อแล้วกัน เราก็เป็นลูก ที่เป็นพี่น้องกันก็ช่วยกันทํางานให้พรรค ในวันนี้ก็อยู่มาได้สี่ปีแล้วแต่ว่าถ้าไม่มีพลเอกประวิตร รัฐบาลคงอยู่ไม่ได้ครบสี่ปี ก้าวข้ามความขัดแย้งกันได้จนสามารถบ้านเมืองสงบสุข พัฒนาประเทศไทย เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งเราก็จะช่วยกันทํางานต่อไปได้

 

ลุงป้อมเปิดบ้านทุกวันแล้วก็มีคนมาทานข้าวด้วย จริงๆก็มีหลายพรรคทั้งพรรคเล็กพรรคใหญ่ พรรคกลางมาหมดเพียงแต่ว่าบางทีก็ภาพไม่ได้ออกไป แต่ว่าอย่างพรรคภูมิใจไทยเขาก็เป็นพรรคขนาดใหญ่มาทานข้าว คนอาจจะให้ความสนใจ มีมาทุกพรรคทุกกลุ่มไม่ได้เรื่องผิดปกติ ผมว่าผมไม่อยากพูด ก็มาคุยกันเรื่อยๆเกือบทุกพรรค ยกเว้นพรรคฝ่ายค้าน การวางตัวผู้สมัครมีข้อมูลครบหมดแล้ว

 

โดยจะประชุมกรรมการบริหารพรรคภายในก่อนสิ้นเดือนนี้ มีเป้าหมายวางครบทุกเขต ส่วนผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อจะทำให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 3 เม.ย.2566 ซึ่งจะทำให้ครบถ้วนตามกฎหมายแน่นอน นายชัยวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. South Time Thailand
Take Me Top