Monday, 29 April 2024
NewsFeed

‘ภูมิใจไทย’ แชมป์พรรคการเมือง หลังได้รับเงินบริจาคมากที่สุด

เมื่อวันที่ 19 ม.ค.66 ที่ผ่านมา เว็บไซต์คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่บัญชีเงินบริจาคพรรคการเมือง ประจำเดือนพฤศจิกายน 2565 รวมทั้งหมด 14 พรรค โดยพรรคที่ได้รับเงินบริจาคสูงสุดคือ ‘พรรคภูมิใจไทย’ จำนวน 26,000,000 บาท รองลงมา คือ พรรคเพื่อไทย 16,000,000 บาท

ส่วน พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และเพิ่งเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ได้รับบริจาค 3,000,000 บาท

สำหรับผู้บริจาคที่น่าสนใจของพรรคภูมิใจไทย พบว่า ปรากฏบริษัทเอกชนหลายรายร่วมบริจาค ได้แก่ หจก.น้ำก่ำก่อสร้าง ร่วมบริจาคสูงถึงจำนวน 10 ล้านบาท บริษัท บีเอสซี โอเปอเรชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด บริจาค 1 ล้านบาท บริษัท ธนาวิส 2020 จำกัด จำนวน 1 ล้านบาท

ขณะที่ นายนรเทพ อมรางกูร บริจาค 3 ล้านบาท น.ส.ทัศนีย์ โพธารส นายกำพล อัศวโชค น.ส.สุภัทรา สอนแตง และนายธวัช เบญจพลชัย บริจาคคนละ 2 ล้านบาท นายบุญส่ง ศิริมาศเกษม บริจาค 1 ล้านบาท

‘อนุทิน’ รุดประสานช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันที หลังพบ อุบัติเหตุรถชนระหว่างทางกลับบ้าน

ไม่ปล่อยผ่าน! ‘อนุทิน’ พบอุบัติเหตุรถชน ระหว่างทางกลับบ้าน ก่อนลงไปช่วยให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ รุดประสานส่งผู้บาดเจ็บถึงโรงพยาบาล

เมื่อ 22 มกราคม 2566 เวลา 22.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เสร็จสิ้นภารกิจการลงพื้นที่พบปะประชาชน บริเวณชุมชนโรงปูน ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ระหว่างเดินทางกลับที่พัก ได้พบผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน บริเวณปากซอยสาธุประดิษฐ์ 19 ถ.สาธุประดิษฐ์  พบผู้บาดเจ็บ ในที่เกิดเหตุ เป็นผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์บางคน นอนอยู่ที่ถนน ร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่สามารถขยับตัวได้ นายอนุทิน ได้ลงจากรถ มาดูแลเหตุการณ์ และให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเร่งประสานให้เจ้าหน้าที่มารับผู้ประสบอุบัติเหตุ ไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน  ล่าสุดผู้บาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือที่โรงพยาบาลแล้ว

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02GFoGNzMUQg2dxrLXhNao3UEB5Kyxschpe5piTE1Yzj5o4RfP7c1FmSSA8xy5i5vFl&id=100045046695853&mibextid=Nif5oz

ปล่อยไว้ไม่ได้!! ‘อนุทิน’ ลั่น!! ต้องจัดการ ตร. นำรถ นทท.จีน ยัน!! ไม่กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย

(23 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปเผยแพร่ตำรวจอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวจีนในสนามบิน ว่า เขาอาจใช้วิธีซิกแซ็ก ตามกฎหมายไม่มีเรื่องดังกล่าว การใช้ทรัพย์สินหรือบุคลากรของทางราชการ มาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ทําไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้นสังกัดของผู้ที่ไปอำนวยความสะดวกต้องไปแก้ปัญหา ดูว่าเขาทำผิดระเบียบหรือไม่ เรื่องนี้มีบทกำหนดการลงโทษอยู่ ยืนยันว่าในเรื่องของการท่องเที่ยว หากใครโฆษณาว่าใช้รถตำรวจนำได้ ก็มีแต่ถ้าทำผิดมาก ๆ ก็นำไปโรงพัก นําไปศาล เพื่อดำเนินคดี เรามีระบบที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการไปประชาสัมพันธ์ว่าสามารถทําได้ นายอนุทิน กล่าวว่า การตั้งใจกระทำผิดเพื่อประโยชน์การสร้างรายได้ ก็เป็นความเสี่ยงของเขา ถ้าคนไปเชื่อและใช้บริการเขา แล้ววันหนึ่งเกิดทําไม่ได้ เขาก็ต้องเดือดร้อน อาจต้องถูกดำเนินคดี สุดท้ายธุรกิจก็ไม่ยั่งยืน คนที่โฆษณาเช่นนี้ก็จะผิดต่อลูกค้าของเขา แต่คนที่ไปให้บริการแบบนี้ ถือว่าผิดกฎหมายบ้านเมืองและผิดระเบียบในทุก ๆ เรื่องอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษ ไม่ต้องกังวล ไม่ได้เป็นส่วนที่ทําให้ประเทศไทยจะสูญเสียนักท่องเที่ยว เพราะเราไม่ได้โฆษณาว่ามาเมืองไทยแล้วจะมีรถนํา

‘ลุงหนู’ ลั่น!! แนวทาง ภท. ‘ไม่พูด-ด้อยค่า’ นโยบายพรรคอื่น ชี้!! ถ้านโยบายของใครเป็นประโยชน์ พร้อมสนับสนุน

‘อนุทิน’ โว!! กระแส ‘ลุงหนู’ ไม่แพ้ ‘ลุงตู่-ลุงป้อม’ มั่นใจ ปักธง กทม. ลั่น!! ภท.พร้อมเสนอตัวแก้ปัญหาคนกรุง ยัน!! นโยบายค่ารถไฟฟ้าไม่เกิน 40 บาท ศึกษามาดีแล้ว แทงกั๊ก!! จับขั้วการเมือง ชี้!! ให้รอผลเลือกตั้งก่อน

(23 ม.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มลงพื้นที่ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ในการลงพื้นที่ดังกล่าว เราได้ปราศรัยนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยจัดทำ เวลาพูดอะไรไป ประชาชนก็ชอบใจ เพราะสิ่งที่พูดไปนั้นถูกใจเขา และจะลงไปพื้นที่อื่นด้วย เพราะเราตั้งใจจะส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถ้าถามว่าคาดหวังเขตไหน ก็ต้องบอกว่าคาดหวังทุกเขต แต่ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ทั้งนโยบายพรรค ความแข็งแรง ความขยัน และความเป็นที่นิยมของผู้สมัคร ในแต่ละเขต เราจะทำให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถปักธงได้ใน กทม. หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มั่นใจ ต้องมั่นใจเพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองสำคัญ ซึ่งเราทำประโยชน์ให้กับจังหวัดอื่น ๆ ไปแล้ว เหลือแต่กรุงเทพฯ ที่พรรคภูมิใจไทย ยังไม่มี ส.ส. จึงอยากเสนอตัวเข้ามา เพราะถ้าเรามี ส.ส.ของเราเอง ก็คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาหลายอย่างได้ ในรูปแบบการร่วมมือทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่ไปแข่งหรือแย่งกันทำงาน เพราะกทม.มีผู้ว่าราชการกรุงเทพ อยู่แล้ว เราก็แค่มาเสริม แบ่งเบาภาระ ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายอะไรที่โดนใจคนกรุงเทพฯ เพราะพรรคอื่นก็ต้องการปักธง ส.ส.ใน กทม. เช่นเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวว่า จะใช้ผลงานในช่วงที่เราเป็นรัฐบาล และได้ทำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ครั้งที่แล้วออกมาเป็นรูปธรรมได้แทบทุกนโยบาย และเราไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ไม่ชอบและไม่เชื่อว่าความขัดแย้งจะทำให้ประเทศก้าวหน้าได้ แต่เชื่อว่าการทำงานและทำนโยบายให้ครบถ้วนจะทำให้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด และแนวทางของพรรคภูมิใจไทย เวลาหาเสียง เราจะไม่พูดถึงพรรคอื่น ไม่ได้ด้อยค่านโยบายของใคร และถ้านโยบายของพรรคอื่นเป็นประโยชน์ ก็ควรสนับสนุนด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าทุกคนปรารถนาดีที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง และอุปสรรคใหญ่คือความขัดแย้ง การด้อยค่าและการพูดจาเสียดสีกันเป็นสิ่งที่คนที่อาสามาเป็นตัวแทนประชาชนไม่ควรทำ และถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน จะหาความร่วมมือกันได้อย่างไร

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่านโยบายเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่พรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอแล้ว จะซื้อใจคนกรุงเทพฯ ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจ เพราะ ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม เวลาที่พูดว่าค่าโดยสารจะไม่เกิน 40 บาท เราได้มีการศึกษาเรื่องการคุ้มค่าของการลงทุน และประโยชน์ของประชาชน อีกทั้งมีต้นแบบ มีข้อมูล ไม่ใช่มาพูดเพื่อให้ประชาชนรู้สึกดีแล้วมาเลือก คนที่บริหารบ้านเมืองมา 4 ปี ไปพูดชุ่ย ๆ ไม่ได้ แต่พูดโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวประกอบ อาทิ มีการศึกษาราคาไม่เกิน 42-43 บาท เราก็หาวิธีการทำให้ราคาไม่เกิน 40 บาท เพื่อให้วิน-วินสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ ประชาชนจะขึ้นโดยสารกี่รอบก็ได้ และผู้ประกอบการไม่ขาดทุน เพราะการทำระบบขนส่งสาธารณะให้ประชาชน จะคิดแต่ได้กำไรมากไม่ได้ ถ้าขาดทุนเล็กน้อยหรืออยู่ตัว แต่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ต้องทำให้ เพื่อให้ประชาชนลดต้นทุนการดำรงชีวิต มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่ง

ขยายความเจริญ!! 'ลุงหนู' ไฟเขียว!! ร่างงบฯ ปี 67 แตะ 2.44 แสนล้านบาท ดันเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม

‘อนุทิน’ นั่งหัวโต๊ะไฟเขียวร่างงบประมาณปี 67 กว่า 2.44 แสนล้านบาท ดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม เร่งสรุปผลงบประมาณรายจ่าย ชงสำนักงบประมาณภายใน 27 ม.ค.นี้

24 ม.ค. 2566 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 คณะที่ 3.2 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างคำของบประมาณบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จำนวน 108 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 244,505.6705 ล้านบาท โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันของ 7 กระทรวง 26 หน่วยงาน

ทั้งนี้แบ่งเป็น เป้าหมายที่ 1 จำนวน 11 หน่วยงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.)กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.)กรมเจ้าท่า (จท.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) (กรมการขนส่งทางราง (ขร.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) (การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รวม 88 โครงการ วงเงิน 243,660.1700 ล้านบาท คิดเป็น 99.65% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) M6 บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี โครงการทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1065 สาย อ.พรานกระต่าย-พิษณุโลก

โครงการพัฒนาทาง และสะพานโครงข่ายทางหลวงชนบท สนับสนุนด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย โครงการศูนย์ขนส่งชายแดน จ.นครพนม โครงการปรับปรุงท่าอากาศยาน 16 แห่ง โครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายกระทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต โครงการทางหลวงพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา โครงการออกแบบรายละเอียดงานโยธาโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้น

สำหรับป้าหมายที่ 2 จำนวน 15 หน่วยงาน (จท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานสภาพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์/กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ/กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน/สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) สถาบันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ม.พะเยา ม.เชียงใหม่ ม.บูรพา และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา รวม 20 โครงการ วงเงิน 845.5005 ล้านบาท คิดเป็น 0.35% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชนเพื่อรองรับงาน NSW

‘ลุงหนู’ ปัดตอบ จับมือพรรคเพื่อไทย ชี้!! ทุกอย่างต้องรอดูหลังเลือกตั้ง

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการลาออกของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล จากรมช.คมนาคม ได้แจ้งการลาออกอย่างไร ว่า นายวีรศักดิ์ ลาออกตามขั้นตอน และตอนนี้ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอยู่ แต่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค

ผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสข่าวที่นายวีรศักดิ์ จะไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย รวมถึง นายอภิชา เลิศ
พชรกลม ที่มีข่าวว่าจะลาออกไปด้วย นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ทราบ นายวีรศักดิ์แจ้งเพียงสุขภาพไม่ดี เมื่อท่านตัดสินใจลาออก ก็ต้องให้กำลังใจ ขอให้ไปรักษาตัวให้แข็งแรง

เมื่อถามย้ำว่ากระแสข่าวว่าจะไปพรรคเพื่อไทย จะทำให้พื้นที่นครราชสีมายวบไปหรือไม่ หรือจะให้ใครมาดูแลแทน นายอนุทินกล่าวว่า เมื่อวานบอกไปแล้ว การที่มีส.ส.เข้าหรือออก เป็นเรื่องของความสบายใจ ถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าสมมุติว่ามีจากฝั่งภูมิใจไทยไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจก็จะได้เคลียร์ที่ว่าใครเป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นประชาธิปไตย และจะได้เลิกคุยเรื่องนี้เพราะเมื่อคนเพื่อไทยมาอยู่กับภูมิใจไทย ตอนนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ตอนนี้คน ภูมิใจไทยไปเพื่อไทย ถามว่าเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ เพราะในที่สุดก็สรุปได้ว่าทุกอย่างก็เป็นประชาธิปไตย การย้ายเข้าออกพรรคการเมืองในช่วงเลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องปกติ

'อนุทิน' เปิด 'พรรคภูมิใจไทย' รับรอง 'ทูตอินเดีย' หารือประเด็น 'สาธารณสุข-การท่องเที่ยว-การเมือง'

เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.66) ณ ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายนาเกช ซิงห์ (Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตอินเดียประจำราชอาณาจักรไทย พร้อมคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ เพื่อแนะนำตัว และหารือถึงเรื่องต่าง ๆ ภายหลังรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย

สำหรับประเด็นที่มีการพูดคุย หารือแลกเปลี่ยน คือเรื่องสาธารณสุข รวมถึง MOU ด้านการสาธารณสุขระหว่างไทยและอินเดีย เรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียประสงค์ที่จะเดินทางมา ปัจจุบันพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น

โดยเฉพาะผู้ที่จะเดินทางมาจัดงานมงคลสมรส ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อาทิ เชียงใหม่, หัวหิน, ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะการจัดงานจะปิดโรงแรม และใช้ระยะเวลา 3-4 วัน ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย คิดว่าการท่องเที่ยวจะมีจำนวนมากยิ่งขึ้น

'บี พุทธิพงษ์' เลือก พรรคภูมิใจไทย เป็นเส้นทางใหม่ทางการเมือง

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ 'บี พุทธิพงษ์' ตัดสินใจเลือก พรรคภูมิใจไทย เป็นเส้นทางใหม่ทางการเมืองให้กับตน

“ทำงานการเมืองมาร่วม 20 ปี ย่อมมีความสนิทสนมกับบรรดานักการเมืองอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจส่วนตัวมองว่าพรรคภูมิใจไทย มีจุดเด่นที่แข็งแกร่ง คือ 4 ปีที่ผ่านมา พูดจริงทำจริง หาเสียงเสนอนโยบายอะไรเอาไว้สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า…ทำได้จริงเสมอ”

ที่มา: https://www.thairath.co.th/scoop/interview/2611308 

นโยบายโดนใจ!! ‘ณัฐธิดา’ รองปธ. อบจ.ปทุมธานี สวมเสื้อ ภท. เผย ชื่นชอบนโยบายพรรค ‘พูดแล้วทำ’

‘ภูมิใจไทย’ เปิดบ้านต้อนรับ ‘หนึ่ง-ณัฐธิดา’ รองปธ.อบจ. ปทุมธานี เข้าเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ เจ้าตัวบอกชื่นชอบนโยบายพรรค ‘พูดแล้วทำ’

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่พรรคภูมิใจไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ น.ส.ณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ลำดับที่ 1 เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และสวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคภูมิใจไทย

น.ส.ณัฐธิดา กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองที่ ‘พูดแล้วทำ’ ที่สำคัญคือให้โอกาสคนทำงาน ได้เข้ามาทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน เพราะมีนโยบายดีๆหลายอย่าง

‘รักษามะเร็งฟรี’ ประโยชน์ที่ดีต่อคนทั้งชาติ เกมฉีกจาก ‘ภูมิใจไทย’ ในจังหวะนโยบายชู ศก.เดือด

ตามกติกา เหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือน ก็จะหมดวาระของรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้ว และหน้าสื่อตอนนี้ ก็เริ่มหันไปสนใจกับนานาพรรคการเมือง ที่ปล่อยก๊อกนโยบายของพรรคตนออกมา ‘ปาดหน้า’ ชิมลาง เรียกคะแนนทิพย์จากประชาชนกันแบบเล่นใหญ่ บ้างชูนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน บ้างเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการเป็น 700 บาททันทีหากได้เป็นรัฐบาล บ้างปลดล็อกการจ่ายภาษีขั้นต่ำ ฯลฯ

แน่นอนว่า พอปล่อยเป็นนโยบายเชิงหาเสียง ก็ย่อมสัมผัสได้ถึงนานาประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับกันทั้งนั้น แต่จะทำได้จริงหรือไม่ หรือต่อให้ตั้งใจจะทำจริง จะต้องใช้อายุขัยรัฐบาลกี่เดือน กี่ปี ก็ต้องตามดูกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียน มีข้อติดใจเรื่องหนึ่ง คือ นานานโยบายที่ก่อตัวขึ้นในห้วงเวลานี้ ล้วนต่อยอดสถานภาพการเงินแบบเกทับ แต่หลังจากชีวิตผู้คนที่เริ่มหลับนอนในท้องห้องโรงพยาบาลบ้าง ศูนย์พักพิงบ้าง ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา มันก็พลันให้คิดว่า มิมีใครอยากจะถอยนโยบายด้านสุขภาพมาให้ประชาชนได้ฝากผีฝากไข้กันบ้างเลยหรือ

ทั้งที่เรื่องสาธารณสุข หรือเรื่องสุขภาพ มันเป็นเรื่องใกล้ตัว และประชาชนทุกคนหากคิดจะเดินหน้าไปทำมาหากินได้ ก็ต้องมีสุขภาวะที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็ต้องเสียทั้งเงินและเสียเวลาไม่มากก็น้อย แล้วจะไปต่อยอดชีวิตได้อนาคตได้เยี่ยงไร

พลันคิดได้เช่นนี้ ก็แอบเซ็ง แต่ก็เอาวะ เพราะแนวนโยบายเปิดปฐพีในช่วงแรก มันก็ต้องยิงกระแสแรงๆ ไว้แซงพรรคเพื่อนพ้องไว้ก่อน เพียงแต่หลังจากได้เห็นกระแสนโยบายเกทับด้านการเงินแรงๆ ไปช่วงหนึ่ง ก็ต้องจ้องอ่านอย่างคนสงสัย เมื่อยังมีพรรคที่ชูนโยบายสุขภาพขึ้นแรงดูดี

นโยบาย ‘รักษามะเร็งฟรี’ ของพรรคภูมิใจไทย เป็นอีกข้อความที่สะกดใจ และรู้สึกว่า ‘หมอหนู’ อยู่สาธารณสุขจนอิน เลยเบนเข็มจากกัญชาเสรี มารักษามะเร็งฟรี หรือเป็นกลยุทธ์แสนครีเอทที่เข้าใจปัจจัยแห่งทุกข์พื้นฐานของประชาชนกันแน่  


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. South Time Thailand
Take Me Top