Thursday, 2 May 2024
ตรัง

ตำรวจหน่วยสวาทชักปืนยิงโต๊ะข้างเสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 2 ในสถานบันเทิงหน้าทางเข้า บขส.ตรัง

เกิดเหตุยิงกันในสถานบันเทิงหน้าทางเข้า บขส.ตรัง ตำรวจหน่วยสวาทตรังชักปืนยิงคนสนิทนักการเมืองท้องถิ่นเสียชีวิต เพื่อนโดนลูกหลง สอบสวนพบกลุ่มผู้ยิงเป็นตำรวจ 3 นาย มีอาการคล้ายคนเมาหนัก คาดเขม่นกันในร้าน ผู้กำกับ สภ.ตรังเผยพยานทั้ง 7 ปากให้การไปในทางเดียวกัน

วันนี้ (25 ต.ค.) เวลา 01.15 น. ร.ต.อ.เอกลักษณ์ ศักดิ์ชัยนันท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตาย และมีผู้บาดเจ็บภายในสถานบันเทิงชื่อ คันทรี่โฮม ตั้งอยู่เลขที่ 205 หมู่ 4 ถ.พัทลุง ต.บ้านโพธิ์ ตรงถนนทางเข้า บขส.ตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนแจ้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรุดเดินทางไปตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุพบลูกค้าจำนวนมาก รวมทั้งพนักงานในร้านต่างแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริเวณพื้นภายในร้านใกล้กับโต๊ะ พบศพนายจิตกร คงจันทร์ หรือขาว อายุ 32 ปี อยู่หมู่ 8 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เป็นคนสนิทนักการเมืองท้องถิ่นและบุคคลมีชื่อเสียงใน จ.ตรัง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. เข้าที่หลังศีรษะ 2 นัด กระสุนทะลุปาก สะบักหลังซ้าย 3 นัด ชายโครงขวา 1 นัด ต้นแขนขวา 3 นัด รวม 9 นัด นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต

ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิตมาด้วยกัน คือ นายเอกพจน์ เพ็ชรรัตน์ หรือต้อม อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนจากปืนกระบอกเดียวกันเข้าที่สะโพกซ้าย 1 นัด ข้อเท้าซ้าย 1 นัด และผู้บาดเจ็บไม่ทราบชื่ออีก 1 ราย ถูกลูกหลงเข้าข้อศอกซ้าย 1 นัด เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลตรังแล้ว

ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 11 ปลอก ตกอยู่บนพื้น หัวกระสุนจำนวน 1 หัว และลูกกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ใช้งานอีก 1 นัด ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านได้แย่งจากคนร้ายไว้ได้ เป็นอาวุธปืนยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ภายในแม็กกาซีนยังบรรจุลูกกระสุนหลงเหลืออยู่ 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นลูกค้าประจำของทางร้าน โดยกลุ่มผู้เสียชีวิตเดินทางมานั่งดื่มกินกันช่วงเที่ยงคืนรวม 3 คน ที่โต๊ะหมายเลข 20 โดยมีนายจิตกร หรือขาว ผู้ตาย นายเอกพจน์ หรือต้อม ผู้บาดเจ็บ และนายวุฒิชัย คงแป้น หรือเด่น อายุ 42 ปี

ส่วนผู้ก่อเหตุคือ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือจ่าเบิร์ด ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บ้านหนองเอื้อง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง มานั่งดื่มกินพร้อมกับเพื่อนซึ่งเป็นตำรวจด้วยกันรวม 2 นาย ที่โต๊ะหมายเลข 23 โดยที่ตำรวจทั้ง 2 ราย เป็นอดีตการ์ดของทางร้าน เพิ่งลาออกจากร้านไปได้ประมาณ 1 เดือน มานั่งดื่มกินกันช่วงประมาณ 21.00 น. ก่อนจะก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ทำให้การ์ดของร้านได้เข้าล็อกตัวผู้ก่อเหตุและยื้อแย่งอาวุธปืนจากมือยิงมาได้ จากนั้น จ.ส.ต.ชุติพนธ์ และเพื่อนตำรวจได้วิ่งออกจากร้านและขับรถหลบหนีไป

“สมบูรณ์” ชื่นชมนโยบายสร้างความเป็นธรรมของ “พีระพันธุ์” เดินหน้าสมัครเป็นสมาชิก รทสช. พร้อมลง ส.ส.เขต 4 จ.ตรัง

“สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” อดีต ส.ส.ตรัง 4 สมัย ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุประทับใจนโยบายสร้างความเป็นธรรมให้พี่น้องประชาชนของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรคฯ ที่เคยร่วมงานกันสมัยเป็น กรรมาธิการ ปปช.ในสภาฯ ทั้งชื่นชม “เอกนัฎ พร้อมพันธุ์” เลขาฯ พรรคที่เป็นคนหนุ่มไฟแรง จึงหวังมาช่วยสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่ประชาชนต้องการ มั่นใจจะยังได้รับความไว้วางใจจากคนตรังให้เป็นตัวแทนในสภาฯ อีกครั้ง

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ทำการพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ ซ.อารีย์ 5 นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และ อดีต ส.ส.ตรัง เดินทางสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยเมื่อมาถึงนายสมบูรณ์ได้เขียนใบสมัครต่อหน้านายทะเบียน และดำเนินการตามขั้นตอนของพรรคก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ ว่า ตนได้ลาออกจากพรรคเก่าเมื่อวานนี้ และคิดว่าชีวิตทางการเมืองจะต้องเดินไปข้างหน้า วันนี้ถือเป็นวันฤกษ์ดีจึงได้เดินทางสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีแนวคิดว่าการทำงานในที่ที่มีความสุขเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและคิดว่าที่นี่จะเป็นที่ที่ทำให้ตนทำงานได้อย่างมีความสุขจึงตัดสินใจที่จะมาร่วมงานกับพรรคเพื่อทำงานให้กับพี่น้องประชาชนชาว จ.ตรัง อีกครั้ง

ไกด์หนุ่มติดปีกผีเสื้อดำน้ำโชว์นักท่องเที่ยว เผยทะเลตรังสวยไม่แพ้ “อวตาร”

วันนี้ (28 ธันวาคม 2565) นายพงษ์พาณิช รอดเมือง หรือน้องนิวส์ อายุ 22 ปี ไกด์ที่นำนักท่องเที่ยว สัมผัสท้องทะเลตรัง ด้วยการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น เผยทะเลตรังสวยไม่แพ้ภาพยนตร์ อวตาร ด้วยการติดปีกผีเสื้อลงดำน้ำพร้อมกางแขนสองข้างออก ปีกผีเสื้อก็พลิ้วไสว ดังผีเสื้อโบยบิน สร้างความตื่นตาให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ซึ่งจุดดำน้ำจะเป็นบริเวณหน้าเกาะกระดาน ที่มีน้ำใส ปะการังที่งอกใหม่มากมาย มีปลาเล็กปลาน้อยว่ายมาทักทายกับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก รวมทั้งปลาการ์ตูน หรือปลานีโม่ สายพันธุ์ลายปล้องหางเหลือง, ส้มขาว, ที่มีจำนวนมากขึ้น หลังปิดการท่องเที่ยวไปนานหลายเดือน ซึ่งพึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยว ท่องเที่ยวทะเลตรังได้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา

ไม่ง้อรัฐ! เกษตรกรท่าสะบ้า จ.ตรัง รวมกลุ่มทำผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม แก้ปัญหาราคาตกต่ำ

วันที่ 12 ม.ค. 66 เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันท่าสะบ้า อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง คิดหาวิธีแก้ปัญหาราคาตกต่ำ โดยรวมกลุ่มกันนำผลปาล์มมาสกัดด้วยวิธีธรรมชาติ เพื่อเอาน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์มาทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ส่งขายออนไลน์ แถมได้ผลตอบรับดี

ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันท่าสะบ้า หมู่ 3 ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการรวมตัวกันของเกษตรกรชาวสวนปาล์มใน ต.ท่าสะบ้า จำนวน 30 คน มีเนื้อที่สวนปาล์มน้ำมันรวมกว่า 500 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันให้ได้มาตรฐาน เพิ่มผลผลิตต่อไร่ต่อปี ลดต้นทุนการผลิต และคิดค้นพัฒนาต่อยอดแปรรูปผลปาล์มน้ำมัน นำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

ถือได้ว่า กลุ่มวิสาหกิจแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันท่าสะบ้า ทำได้สำเร็จเป็นแห่งแรกของไทย ที่ทำในรูปแบบกลุ่มวิสาหกิจเกษตรกร โดยเกษตรกรเจ้าของผลผลิต เพื่อดูดซับปริมาณปาล์มน้ำมันที่ออกสู่ตลาด และแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ โดยไม่หวังพึ่งรัฐในการนำผลผลิตไปใช้ภายในประเทศ

ขั้นตอนในการทำผลิตภัณฑ์ ทางกลุ่มได้นำเอาเมล็ดปาล์มน้ำมันสดจากแปลง ของสมาชิกมาล้างทำความสะอาด จากนั้นผ่านเครื่องแยก และเครื่องสกัดอย่างง่ายแบบธรรมชาติ ก่อนนำไปอบด้วยเครื่องอบไมโครเวฟ และเครื่องอบลมร้อน แล้วเอาไปแยกเปลือกกับเมล็ดในปาล์มออกจากกัน ทำให้ได้น้ำมันปาล์มออกมา 2 ชนิด ประกอบด้วย

1.) น้ำมันปาล์ม (Crude Palm Oil) หรือ น้ำมันปาล์มออย หรือน้ำมันปาล์มแดงบริสุทธิ์ ไม่ผ่านกรรมวิธี ซึ่งจะทำให้มีสีแดง และมีไขแดงอยู่ด้านบน เพราะสกัดจากเนื้อปาล์ม หรือเปลือกสดของผลปาล์ม (ลักษณะฝอย ๆ เหมือนหมูหยอง)

2.) น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (Crude Palm Kernel Oil) สกัดได้จากเมล็ดในของผลปาล์ม

น้ำมันบริสุทธิ์ที่ได้ทั้ง 2 ชนิด โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มแดง สามารถแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ ทั้งกิน ทั้งทา ในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย

ไอเดียเจ๋ง!! เกษตรกรตรังหัวใส ทำ 'ข้าวหลามอบโอ่ง' เจ้าแรกใน จ.ตรัง หอม อร่อย ขายดีจนทำแทบไม่ทัน

เกษตรกรชาวอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ผุดไอเดียทำ 'ข้าวหลามอบโอ่ง' แทนการเผาลานหรือเผาไฟเป็นแนวยาว นอกจากจะเป็นการแปรรูปข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองให้ขายดีขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ทำให้มีกลิ่นหอม ขนย้ายสะดวก และสามารถนำไปอบไก่ อบปลาหรืออาหารอย่างอื่นได้โดยใช้โอ่งใบเดียวกัน

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่แปลงนาหมู่ที่ 5 ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง มีการลงแขกเกี่ยวข้าวพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งเกษตรกรจากหลายตำบล ต่างนำอาหารหวานคาวไปร่วมรับประทาน โดยนายเปลื้อง ช่วยรุย อายุ 52 ปี เกษตรกรซึ่งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหนองช้างแล่น อำเภอห้วยยอด ได้นำนวัตกรรมใหม่ของตน มาโชว์และแจกในงาน นั่นคือ 'ข้าวหลามอบโอ่ง' แม้จะตั้งโอ่งไว้ช่วงท้ายงาน แต่ความหอมของข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมือง ผสมกับน้ำกะทิ ถั่วและไม้ไผ่ สามารถดึงดูดใจชาวบ้านให้หันมามองและมาต่อคิว เพื่อขอชิมจนหมดเกลี้ยงเกือบ 100 กระบอก จนข้าวหลามสุกไม่ทันกันเลยทีเดียว และนับเป็นข้าวหลามอบโอ่งที่ทำเป็นรายแรกในจังหวัดตรัง

สวนแนวคิดการทำข้าวหลามอบโอ่ง มาจากการที่นายเปลื้องฯ เป็นเกษตรกรผู้ปลูกไผ่หลากหลายสายพันธุ์บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งแต่เดิมขายเฉพาะต้นไผ่กับหน่อไม้ แต่เมื่อเห็นชาวตรังชอบกินข้าวหลาม และมีขายในงานเทศกาลทุกงาน จนข้าวหลามกลายเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อ และแทบทุกคนจะต้องซื้อติดมือกลับบ้าน ประกอบกับตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด มีการปลูกข้าวเจ้าและข้าวเหนียวไว้กินเอง ทำให้คิดทำข้าวหลามขึ้น และทำมานาน 4-5 ปีแล้ว โดยใช้ไผ่ที่ปลูกคือไผ่ข้าวหลามกาบแดง, ไผ่กิมซุง และไผ่สีสุก

โดยนำโอ่งมังกรที่บ้านมาเจาะรู เพื่อระบายอากาศเล็กน้อย ใช้เตาถ่านอยู่ด้านล่างสุดของโอ่ง อบด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม อาศัยการดูสีของกระบอกไม้ไผ่เป็นหลัก ซึ่งสามารถอบข้าวหลามได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 20 กระบอก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ

ซึ่งวิธีนี้ นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้ว ยังทำให้มีกลิ่นหอม ไม่ร้อน ไม่มีควันไฟ ไม่มีกลิ่นควันไฟในเนื้อข้าวหลาม ทั้งยังไม่มีปัญหาไฟลุกไหม้หรือลุกลามไปติดพื้นที่ข้างเคียง ขนย้ายสะดวก และยังนำอาหารชนิดอื่น ๆ เช่น หมู ปลา ไก่ เนื้อและอื่น ๆ ไปอบในโอ่งได้อีกด้วย โดยใช้แทนการเผาข้าวหลามแบบเผาลานที่ต้องก่อไฟเป็นแนวยาวได้เป็นอย่างดี ซึ่งข้าวหลามอบโอ่งกำลังจะมีการรวมกลุ่มกันในชุมชน เพื่อผลิตเป็นสินค้าโอทอป ส่งขายสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอีกทางหนึ่งด้วย

สานฝันให้นักเรียน!! 'ครูแว่นดำ' เนรมิต 'สวนน้ำแห่งความรัก' แก่เด็กๆ เสริมประสบการณ์ จุดประกายการเรียนรู้นอกห้องเรียน

(ตรัง) เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 66 ที่โรงเรียนเทศบาลวัดตรังคภูมิพุทธาวาส เขตเทศบาลเมืองกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง นายกาลสิษฐ์ เพชรคง ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อม นางวิภาสินี เมืองทรัพย์ รองผู้อำนวยการ และนายชาตรี บุญมี หรือ 'ครูแว่นดำ' รองผู้อำนวยการโรงเรียน เดิมเป็นครูสอนวิชาภาษาไทยพิการทางการมองเห็น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกโซเชียล ด้วยลีลาการสอนนักเรียนอย่างสนุกสนาน หรือ Active Learning

ร่วมกับจัดกิจกรรม 'สวนน้ำแห่งความรัก' จากใจผู้บริหารและคณะครู สู่นักเรียนชั้นปฐมวัย ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พร้อมด้วยเจ้าตัวน้อยจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองกันตังศูนย์ 1 และศูนย์ 2 ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นไปด้วยความสนุกสนานอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ผู้บริหาร และคณะครู โรงเรียนเทศบาลวัดตรังคภูมิพุทธาวาส ได้ร่วมกันเนรมิตสวนน้ำน้อย ๆ ขึ้นในโรงเรียน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้รับประสบการณ์แห่งความสุขที่สดใหม่ไม่ซ้ำใคร เรียนรู้โลกกว้างผ่านการเล่น และกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม ภายใต้การดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดด้วยความรัก

โดยเริ่มจากการที่ผู้บริหาร และคณะครู ซื้ออุปกรณ์มาทำสระน้ำแบบง่าย ๆ รวมทั้งซื้อชุดและอุปกรณ์ว่ายน้ำให้แก่เด็ก ๆ ตลอดจนค่าจ้างครูพิเศษมาสอนว่ายน้ำ ซึ่งเป็นทั้งเงินส่วนตัว และเป็นเงินที่ได้รับมาจากการบริจาค แถมผู้อำนวยการโรงเรียน ยังทุ่มสุดใจลงสระช่วยสอนเด็ก ๆ ว่ายน้ำเองด้วย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งหรือเชี่ยวชาญอะไรมากนัก

นายชาตรี หรือ ครูแว่นดำ เล่าว่า ที่มาของการจัดกิจกรรม 'สวนน้ำแห่งความรัก' เกิดขึ้นจากการที่เด็ก ป.3 คนหนึ่งเดินเข้ามาถามว่า “ครูครับ ทำอย่างไรพวกเราถึงจะมีโอกาสได้เรียนว่ายน้ำ เหมือนเด็ก ๆ คนอื่นบ้าง” ทำให้ตนกลับมานั่งคิดว่า ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ เด็กโรงเรียนวัดก็ควรมีสิทธิเทียบเท่าโรงเรียนนานาชาติ เพราะพวกเขาก็เป็นพลเมืองของประเทศนี้เช่นเดียวกัน

จึงเป็นเหตุผลให้ผู้บริหาร และคณะครู ช่วยกันนำเสนอแนวคิดนี้ออกไปสู่สังคมภายนอก จนได้ความร่วมมือและความช่วยเหลือให้สำเร็จผล ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ทุกคนก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยกันสร้างของขวัญแห่งความฝันให้แก่เด็ก ๆ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7501899


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. South Time Thailand
Take Me Top