Saturday, 27 April 2024
NEWS

เปิดชีวิตมหัศจรรย์ 'นากบุญรอด' สัตว์ป่าสายบุญ ลูกศิษย์วัดท่าลาด จ.นครศรีธรรมราช เดินตามพระสงฆ์บิณฑบาตหลายหมู่บ้านทุกเช้า

วันที่ 20 ม.ค. 2566 มีรายงานว่าที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พบ 'นาก' สัตว์ป่าธรรมดา ๆ ที่อาศัยอยู่ริมทุ่งริมคลองที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ แต่นากตัวนี้อาศัยอยู่ในวัดท่าลาด ซึ่งเป็นวัดร้างโบราณที่เพิ่งถูกฟื้นฟูเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตั้งอยู่ที่บ้านจาด หมู่ 7 ตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ที่ไม่ธรรมดา และดูเหมือนว่าจะกลายเป็นชีวิตมหัศจรรย์ นากตัวนี้กลายเป็นลูกศิษย์วัด คอยติดตามพระในวัดออกบิณฑบาตทุกเช้าไม่เคยเว้น ไปนั่งฟังการสวดมนต์ทำวัตรทุกวัน จนเป็นที่รักของพุทธศาสนิกชน และชาวบ้านทั่วไปอย่างน่าฉงน

ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามพฤติกรรมของนากตัวนี้ตั้งแต่ก่อนสว่าง เมื่อเดินทางเข้าไปในวัด พบว่า นากตัวนี้ชื่อว่า 'นากบุญรอด' กำลังเล่นอยู่กับสุนัขบริเวณลานวัดอย่างสนุกสนาน เมื่อไปถึงได้เข้ามาทักทายอย่างคุ้นเชื่อง ไม่มีท่าทีตื่นกลัวคนแปลกหน้า จนกระทั่งเวลา 05.30 น. ได้เวลาที่พระสงฆ์ออกบิณฑบาต เมื่อพระมวล คุตะจิตโต หรือ 'ตาหลวงมวล' ได้ครองจีวร สะพายบาตรออกไปปฏิบัติกิจของสงฆ์ คือการบิณฑบาต ปรากฏว่าเจ้านากบุญรอด ได้เดินตามไปทันที แม้ทางที่เดินไปจะมืด แต่นากบุญรอดเดินตามตาหลวงมวลไปอย่างน่ารักน่าชัง และเมื่อผ่านไปตามบ้านเรือนที่มีสุนัข สุนัขแต่ละตัวจะออกมาเล่น และทักทายกับนากบุญรอดอย่างคุ้นเคย ไม่มีตัวไหนที่ส่งเสียงเห่าขู่ไม่เป็นมิตรกับนากบุญรอดแม้แต่ตัวเดียว

เมื่อตาหลวงมวล ไปที่บ้านของโยมอุปัฏฐากที่รอตักบาตร นากบุญรอดจะส่งเสียงคล้ายเรียกโยมที่เตรียมอาหารสำหรับตักบาตรให้รู้ว่าพระมาแล้ว ก่อนที่จะออกมาตักบาตร และเมื่อตาหลวงได้สวดมนต์ให้พร นากบุญรอดจะนอนหมอบรอให้ตาหลวงมวลให้พรเสร็จ แล้วเดินต่อไปบ้านหลังถัดไป และพฤติกรรมเป็นไปแบบนี้ทุกหลังที่ตาหลวงมวลรับบิณฑบาต ส่วนโยมที่มารอตักบาตรนั้น เมื่อตักบาตรเสร็จจะทักทายกับนากบุญรอดอย่างคุ้นเคย เช่นเดียวกับสุนัขของแต่ละบ้านจะมาทักทายชวนกันเล่น ก่อนที่นากบุญรอดจะผละตามหลวงตามวลต่อไปบ้านหลังถัดไป เป็นเช่นนี้จนกลับวัด

โยมที่รอตักบาตรพระสงฆ์ ระบุว่า ทุกคนในตำบลต่างรู้จักบุญรอดทุกบ้าน เป็นที่รักของทุกบ้าน ไม่เคยวอแวหรือดุร้ายใส่ใคร บางบ้านนากบุญรอดจะเข้าไปในบ้าน ไปจนถึงโต๊ะอาหารขึ้นไปนั่งยกมือไหว้ คือยกเท้าหน้าทั้งสองข้างคล้ายพนมมือขออาหาร เมื่อได้รับอาหารแล้วจะวิ่งออกไป เช่นเดียวกับร้านขายหมูปิ้งในหมู่บ้าน ระบุว่า หากนากบุญรอดหิวจะผละออกมาจากการตามพระสงฆ์ครู่หนึ่ง เพื่อมานั่ง และยกมือขอหมูปิ้ง เมื่อได้กินแล้วจะวิ่งตามพระสงฆ์ต่อไปจนกลับวัด

ขณะที่ผู้สื่อข่าวซึ่งได้เดินตามตาหลวงมวล ออกรับบิณฑบาตตั้งแต่ออกจากวัด สังเกตพฤติกรรมของนากบุญรอด พบว่าตั้งแต่ออกจากวัด ก่อนออกนั้นจะแวะลงเล่นน้ำก่อน 1 ครั้ง หลังจากนั้นได้ตามพระสงฆ์ไปอย่างต่อเนื่อง จะแวะรับบิณฑบาตตามบ้านกับพระสงฆ์ หรือหากบ้านใดที่มีสุนัข แต่ไม่ได้ถวายตักบาตร แต่ในบ้านเลี้ยงสุนัข นากบุญรอดจะแวะทักทายเล่นกับสุนัขครู่หนึ่ง ก่อนที่จะวิ่งตามพระสงฆ์โดยไม่ต้องคอยสั่ง และหากมีรถสัญจรไปมา จะหลบรถลงข้างทางอย่างแสนรู้

ขอแรงหนุน!! ‘อนุทิน’ ถก สหราชอาณาจักร ชวนลงทุนอีอีซี พร้อมช่วยหนุนไทยเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 ที่ภูเก็ต

‘อนุทิน’ นำทีมคุย รัฐมนตรีช่วยการค้าสหราชอาณาจักร เล็งเพิ่มมูลค่านำเข้า-ส่งออก 2 ประเทศ ชวนลงทุนอีอีซี 3 ด้าน การแพทย์ ดิจิทัล เศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมขอเสียงสนับสนุนไทยเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 Phuket Thailand

(20 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 66 ที่กระทรวงการค้าระหว่างประเทศ Department for International Trade (DIT) กรุงลอนดอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้พบกับนาย Nigel Huddleston รมช.การค้าระหว่างประเทศ (Minister for International Trade) แห่งสหราชอาณาจักร เพื่อหารือในประเด็นความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจและการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีคณะผู้แทนจากประเทศไทยเข้าร่วม อาทิ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้หารือในประเด็นการค้าที่ขณะนี้สหราชอาณาจักรถือเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ในยุโรปสำหรับประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มูลค่าทั้งการนำเข้าและส่งออกระหว่าง 2 ประเทศให้มากขึ้น ผ่านความร่วมมือที่ใกล้ชิดทั้งระดับรัฐบาลผ่าน คณะกรรมการร่วมเศรษฐกิจและการค้าไทย-สหราชอาณาจักร หรือ Thailand-UK Joint Economic and Trade Committee (JETCO) ตลอดจนความร่วมมือของเอกชนโดยสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร หรือ Thai-UK Business Leadership Council (TUBLC)

ชวนชม!! นิทรรศการ 'แดนสนธยา 3' การคัมแบ็กสุดยิ่งใหญ่ในรอบ 4 ปี

หากใครชื่นชอบงานศิลปะ ห้ามพลาดอย่างยิ่งกับ นิทรรศการ ‘แดนสนธยา ๓’ โดยนิทรรศการนี้เป็นการกลับมาจัดแสดงผลงานอย่างยิ่งใหญ่ในรอบ 4 ปี ของ ‘ช่วง มูลพินิจ’ ศิลปินผู้ได้รับฉายาว่า ‘จิตรกรผู้มองเห็นมดยิ้มสวย’ จากศิลปินแห่งชาติ และนักเขียนผู้มีชื่อเสียงของไทย ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ 

สำหรับประวัติของช่วง มูลพินิจ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ. 2556 เป็นศิลปินผู้มีชื่อเสียง เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2483 ที่จังหวัดสมุทรสงคราม จบอนุปริญญาจากคณะ จิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2505

ผลงานที่สร้างชื่อให้กับช่วงมาจากการเขียนภาพปกและภาพประดับในหนังสือและนิตยสารชั้นนำของไทยในยุคสมัยนั้น อาทิ ช่อฟ้า, ชาวกรุง, เฟื่องนคร และสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ จนเริ่มเป็นที่รู้จักด้วยผลงานเขียนลายเส้นแบบฟรีแฮนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงได้เขียนลายเส้นที่หน้าปกหนังสือ เสเพลบอยชาวไร่ ของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ และหน้าปกหนังสือ กามนิต วาสิฏฐีด้วย จากนั้นได้ลาออกจากกระทรวงอุตสาหกรรมหลังจากทำอยู่ 9 ปี เพื่อเริ่มงานใหม่ ที่บริษัทโฆษณาอีก 3 ปี และหลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นศิลปินอิสระแบบเต็มตัว

งานของช่วงในระยะแรกเริ่มจากภาพลายเส้นที่ประยุกต์ความอ่อนช้อยของลายไทย เข้ากับรูปทรงแบบเหมือนจริงได้อย่างกลมกลืน ต่อมาจึงได้พัฒนามาใช้เทคนิคสีน้ำและสีน้ำมัน แต่ยังคงเอกลักษณ์เรื่องลายเส้นผสมผสานเข้ากับศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ช่วงได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างมากมายทั้งงานออกแบบ จิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ส่วนใหญ่แสดงถึงเรื่องราวของดอกไม้ แมลง สัตว์ มนุษย์ ทั้งในแง่อีโรติก ไปจนถึงนัยการมองเห็นในวัฏสงสารของชีวิต เป็นการผนึกเรื่องราวทางอุดมคติกับธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม

‘อนุทิน’ ลงนามร่วมมือ ‘สหราชอาณาจักร’ พัฒนาจีโนมิกส์ มุ่งเป้าวิจัยโรควินิจฉัยยาก - มะเร็ง - โรคติดเชื้อ

‘อนุทิน’ เป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรพัฒนาด้านจีโนมิกส์ พุ่งเป้าวิจัยกลุ่มโรควินิจฉัยยาก มะเร็ง โรคติดเชื้อ สนับสนุนการให้บริการและส่งเสริมเป้าหมายศูนย์กลางทางการแพทย์ของไทย

(20 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 19 ม.ค. 66 ตามเวลาท้องถิ่น กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นผู้แทนประเทศไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้วยความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ซึ่งในการนี้ Lord Nick Markham CBE รมช.สาธารณสุขและการดูแลทางสังคม ได้เป็นผู้แทนลงนามในฝ่ายของสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ การลงนามได้มีขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขและการดูแลสังคม สหราชอาณาจักร โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วม ฝ่ายไทยมีผู้เข้าร่วม อาทิ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส) ทางด้านสหราชอาณาจักรมีผู้เข้าร่วม อาทิ ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม, National health services (NHS), Genomics England, National health services (NHS), UK Health Security agency, และหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

นายอนุทิน กล่าวว่า MOU ฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ทางการแพทย์ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งภายใต้ความร่วมมือจะมุ่งให้ความสำคัญกับการวิจัยโรคหายาก มะเร็ง เภสัชพันธุศาสตร์ โรคไม่ติดต่อ และโรคติดเชื้อ

ผช.ผบ.ตร. รุดเยี่ยมโครงการชุมชนยั่งยืน แก้ปัญหายาเสพติดที่เกาะสินไห จ.ระนอง

'บิ๊กหลวง' ลงพื้นที่บ้านเกาะสินไห จังหวัดระนอง ในการตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร โดยมอบบ้านสีขาวแล้ว 149 ครัวเรือน

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 ที่บ้านเกาะสินไห จังหวัดระนอง พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง ให้การต้อนรับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่บ้านเกาะสินไห ในการตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร

สำหรับโครงการนี้ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ วันที่ 15 ธ.ค. 65 มีการแต่งตั้งคณะทำงานและชุดปฏิบัติการติดตามโครงการแบบบูรณาการ ในการทำงานร่วมกันกับชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ 1.) เพื่อค้นหาผู้เสพ ผู้ใช้ยาเสพติด นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดตามวิธีการของสาธารณสุข 2.) เพื่อเป็นการเสริมสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายแกนนำในการสอดส่อง เฝ้าระวังโดยการดำเนินการเฝ้าระวังและสำรวจ จำแนกกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในชุมชน และ 3.) เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และรักษาสภาพชุมชนยั่งยืนที่มีอยู่เดิมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งเพื่อป้องกันปัญหายาเสพติด

เฮงรับตรุษจีน! ไอ้ไข่สูงเท่าคนจริง ให้โชคถูกหวย 2 งวดติด รวม 15 ใบ เฮง เฮง เฮง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!!!

วันที่ 19 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านบุญมาพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเครื่องประดับ และสิ่งของประกอบการไหว้พระในช่วงเทศกาลตรุษจีน เป็นร้านของคุณธนพงศ์ ที่บริเวณหน้าร้านได้มีการนำไอ้ไข่ ที่มีความสูงเท่าคนจริง มาตั้งบริเวณหน้าร้านเพื่อให้ชาวเมืองสงขลาได้ไหว้ขอพรไอ้ไข่ เพื่อให้มีโชคมีลาภเฮง ๆ รับตรุษจีน

เนื่องจากที่ผ่านมา คุณธนพงศ์ เจ้าของร้านเจอปาฏิหาริย์ไอ้ไข่มากับตนเอง ในเรื่องไอ้ไข่ให้โชคลาภ โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คุณธนพงศ์ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ จ.สุโขทัย แล้วก็ไปเจอไอ้ไข่ รู้สึกประทับใจมาก และอยากให้ไอ้ไข่ไปอยู่ที่ศาลเจ้าแม่กวนอิม เขาเทวดา ที่ จ.สงขลา และเดินเข้าไปจับไอ้ไข่ พร้อมตั้งจิตอธิษฐานว่าหากไอ้ไข่ต้องการไปอยู่สงขลากับตน ก็ขอโชคลาภ แล้วจะมาทอนไอ้ไข่ไปอยู่ที่สงขลาด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทอนและค่าขนส่งทั้งหมดอยู่ที่ 58,000 บาทถ้วน

จุดยืนประเทศไทย!! CGTN สื่อดังจีนถามเจาะนโยบายเปิดรับ นทท.ของไทย ด้าน 'อนุทิน' เปิดใจ!! ไทยไม่เลือกปฏิบัติ ทุกชาติเท่าเทียม

'อนุทิน' เนื้อหอม!! สื่อจีนขอสัมภาษณ์นโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทย ระหว่างถก World Economic Forum เมืองดาวอส - คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส

(19 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ร่วมเวทีการประชุมหัวข้อ 'The Pulling Power of ASEAN' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส สื่อที่มีชื่อเสียงจากประเทศจีน จากสถานีโทรทัศน์ CGTN ได้ขอสัมภาษณ์พิเศษรองนายกรัฐมนตรีของไทย ถึงนโยบายการท่องเที่ยว สาธารณสุข และการรักษาความสมดุลระหว่างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกับการดูแลประชาชนและระบบสาธารณสุขจากโควิด-19

'รถไฟหรรษา' มาถึงเบตงแล้ว!! ส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีน

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถไฟหรรษาจากเมืองยะลา เตรียมเปิดบริการให้พี่น้องชาวอำเภอเบตงและนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้นั่งชมเมืองเบตง โดยเปิดให้บริการในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งได้วิ่งรอบเมืองเบตง โดยมีนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง นำส่วนราชการ ตัวแทนสมาคมท่องเที่ยวอำเภอเบตง สมาชิกกิ่งกาชาด และจิตอาสา นั่งชมวิวเมืองเบตง ชื่นชมความสวยงามของโคมไฟจีนรอบเมืองเบตง โดยมีประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจ

โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่บริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (ศาลาประชาคม) และบริเวณหอนาฬิกาเทศบาลเมืองเบตง เป็นจุดจำหน่ายตั๋ว ค่ารถไฟโดยค่าโดยสารเด็ก 3 ขวบขึ้นไปจนถึง 15 ปี คนละ 20 บาท ส่วนผู้ใหญ่ อายุไม่ถึง 60 ปี ราคา 40 บาท ผู้สูงอายุ 60 ขึ้นไป ราคา 20 บาท ก็สามารถนั่งรถไฟชมวิวและวิถีชาวเมืองเบตงได้แล้ว นอกจากจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังช่วยเพิ่มสีสันในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้อีกด้วย

ไม่เลือกปฏิบัติ 'อนุทิน' ตอบคำถามโควิด บนเวที World Economic Forum ชี้!! ไทยไม่เลือกปฏิบัติรับ นทท. หลังมีแผนพร้อมรับมือโควิดรัดกุม

'อนุทิน' ขึ้นเวที World Economic Forum โชว์วิสัยทัศน์ ยกบทบาทอาเซียนพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของประชาคมโลก เผย ศักยภาพไทยบริหารโควิด19 หนุนประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกชาติแบบไม่เลือกปฏิบัติ

(18 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้นำคณะเข้าร่วมการประชุมในหัวข้อที่หลากหลายภายในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) และได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ความสำเร็จทางนโยบายของประเทศไทย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยนายอนุทิน ได้รับเชิญให้ร่วมเวทีแสดงมุมมองรัฐบาลไทยในการประชุมหัวข้อ 'The Pulling Power of ASEAN' โดยมีผู้ร่วมเวทีจากทั้งภาครัฐและเอกชนภายในและนอกอาเซียน ได้แก่ นาง Merit Janow ประธานกรรมการอิสระ มาสเตอร์การ์ด, นาย Luhut B. Pandjaitan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุน อินโดนีเซีย และ นาง Teresita Sy-Coson รองประธานกรรมการ  SM Investment Corporation, ฟิลิปปินส์

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินได้กล่าวท่ามกลางความสนใจของที่ประชุมต่อภูมิภาคอาเซียนว่า ทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีจุดแข็งของตัวเองและมีจุดร่วมสำคัญความสามารถในการปรับตัว อาเซียนเคยเป็นและจะยังคงเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจ ทั้งไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมีที่ตั้งอยู่ในเส้นทางยุทธศาสตร์ของจีน และนโยบายอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ แม้จะมีความตึงเครียดในภูมิภาคแต่ความสามารถในการปรับตัว และนโยบายที่ไม่แทรกแซงระหว่างกัน จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพและประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอาเซียน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรียังได้ชี้ให้ที่ประชุมเห็นถึงความร่วมมือที่แนบแน่นของอาเซียนในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 จนเป็นภูมิภาคที่ฟื้นตัวจากโควิด19 ได้เร็ว และได้มีการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ACHPEED) ขึ้นที่ประเทศไทย ด้วยตระหนักว่าหากในภูมิภาครับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพได้ดีเท่าไร เศรษฐกิจก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น เพราะไทยและอีกหลายประเทศในอาเซียนคือ ฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก และขณะนี้อาเซียนกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้ BCG Model ตามที่ได้กล่าวไว้ที่ประชุม APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนพ.ย. 65 ที่ผ่านมานั่นคือ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งเสริมให้อาเซียนคงเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับประชาคมโลก

‘ไทย-อินเดีย’ กระชับความร่วมมือการวิจัย ยาและเวชภัณฑ์ รองนายกฯ อนุทิน หนุน 3 ประเด็นด้านสุขภาพเพิ่มจุดแข็ง 2 ประเทศ ชื่นชมอินเดียเป็นประธาน G20 ชูโลกหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยกการพัฒนา

(18 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 66 ระหว่างเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้พบหารือกับ นายมานซุกร์ ลัคมาน มันดาวิยา (Mansukh Laxman Mandaviya) รมว.สวัสดิการสาธารณสุขและครอบครัว (Minister for Health and Family Welfare) และ รมว.เคมีภัณฑ์และปุ๋ย (Minister for Chemicals and Fertilizers) อินเดีย

นายอนุทิน และ นายมานซุกร์ ได้หารือถึงแนวทางที่ไทยและอินเดียจะกระชับความร่วมมือกันเพิ่มขึ้น ในประเด็นสาธารณสุข การวิจัย ยา และเวชภัณฑ์ จากปัจจุบันที่ 2 ประเทศมีความร่วมมือผ่านกรอบพหุภาคีและทวิภาคีต่างๆ ซึ่งเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข ปัจจุบันไทยและอินเดียมีความร่วมมือผ่านบันทึกความร่วมมือ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ MOU ระหว่างกรมการแพทย์และ Indian Council of Medical Research เพื่อร่วมกันการวิจัยทางสุขภาพและทางการแพทย์ และ MOU ระหว่างกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกับสถาบันอายุรเวทแห่งชาติ เมืองชัยปุระ ในการร่วมมือทางวิชาการสาขาการแพทย์อายุรเวทและการแพทย์แผนไทย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างหารือนายอนุทินชื่นชมต่อประเด็นด้านสุขภาพ 3 ประเด็นที่รัฐบาลอินเดียกำลังให้ความสำคัญในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนด้านสุขภาพที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และมีความยินดีหากทั้ง 2 ประเทศจะได้ร่วมมือกันทั้ง 3 ประเด็น ได้แก่...

ไทยลงนาม MOU กับซาอุฯ เตรียมเปิดศักราชยุคใหม่แก่ผู้แสวงบุญระหว่างพิธีฮัจญ์และอุมเราะห์ ฮ.ศ. 1444 (พ.ศ.2566)

วันที่ 18 มกราคม 2566 ที่งานฮัจญ์ เอ็กซ์โป 2023 เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอารเบีย นายอับดุลฟัตตาห์ มาชาด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการฮัจญ์และอุมเราะฮ์ ได้ให้การต้อนรับ พล.ต.ท. ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทยและคณะผู้แทนจากประเทศไทย ที่เดินทางมาเพื่อทำการเซ็นสัญญาข้อตกลง เกี่ยวกับการจัดระเบียบในช่วงพิธีฮัจญ์ประจำปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 1444 (ตรงกับปี พศ. 2566)

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการฮัจญ์และอุมเราะฮ์ ยังได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดระเบียบในช่วงพิธีฮัจญ์กับคณะผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ ที่เดินทางมาในครั้งนี้ ซึ่งข้อตกลงเหล่านี้ อยู่ในมาตรการพัฒนาที่เสนอโดยราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย เพื่อแก้ไขปรับปรุงให้แก่ผู้ที่มาแสวงบุญระหว่างพิธีฮัจญ์ และอุมเราะห์

รวมไปถึงการจัดสรรโคต้าผู้ที่จะเดินทางมาร่วมแสวงบุญ การเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ และท่าเรือต่าง ๆ และรวมถึงวิธีการมาถึงและออกเดินทาง ตลอดจนคำแนะนำขององค์กรที่เพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกสบายของผู้แสวงบุญ ตั้งแต่ช่วงเวลาของการเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง จนกระทั่งออกจากราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

นายอับดุลฟัตตาห์ มาชาด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการฮัจญ์และอุมเราะฮ์ เปิดเผยว่า สำหรับงานเอ็กซ์โป 2023 เป็นงานที่พบปะกันที่ใหญ่ที่สุด และงานที่เกี่ยวข้องกับฮัจญ์และอุมเราะห์ เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันมากกว่า 57 ประเทศ มีวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 70 คน โดยมีบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านฮัจญ์และอุมเราะห์ เข้าร่วมงานกว่า 200 บริษัท และ มีผู้เข้าร่วมงานนิทรรศการครั้งนี้มากกว่า 60,000 คน

ผบ.บก.ควบคุมสุริโยทัย ลาดตระเวนเฝ้าตรวจตะเข็บแนวชายแดน ช่องทางธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย สั่งคุมเข้มในทุกมิติ ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ

วันที่ 18 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ด่านศุลกากรตากใบ ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 /ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ร่วมลาดตระเวนทางน้ำ พร้อมกำชับเพิ่มมาตรการ เข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัย ตามลำน้ำตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ตรวจสอบช่องทางข้ามธรรมชาติของแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทย

ด้านจังหวัดนราธิวาส กับรัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอดแนวชายแดน สกัดกั้นพื้นที่รับผิดชอบ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน โดยให้หน่วยได้บูรณาการ การปฏิบัติงานในทุกมิติ ลาดตระเวนเฝ้าตรวจตะเข็บแนวชายแดน ช่องทางธรรมชาติ ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ร่วมกันกับทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด การเสริมกำลังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน การจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย

ระทึก!! คนขับเก๋งหลับใน พุ่งชนกลุ่มรถจักรยานเสือหมอบ ตายคาที่ 1 ราย บาดเจ็บระนาว

เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2566 พ.ต.อ.พจน์ ยอดพิจิตร สว. (สอบสวน) สภ.สิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่า มีเหตุรถเก๋งหลับในเสียหลักพุ่งชนกลุ่มรถจักรยานเสือภูเขา ที่ปั่นออกกำลังกายตอนเช้า จำนวน 7 คัน ทำให้คนขี่รถจักรยานเสือภูเขาตายคาที่ 1 ราย เจ็บสาหัสอีก 6 คน เหตุเกิดริมถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี ฝั่งขาขึ้น บ้านเขาฝ้าย หมู่ 7 ตำบลทุ่งใส อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจ แพทย์เวร โรงพยาบาลสิชล และเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมสิชล ไปที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบกองซากรถจักรยานเสือหมอบถูกจนพังเสียหายจำนวน 7 คัน ในที่เกิดเหตุพบศพผู้ตายชื่อนายกษิเดช ณ นคร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104/2 หมู่ 5 ต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพศีรษะแตก แผลถลอกทั่วร่างในชุดออกกำลังกายปั่นจักรยาน เสื้อแขนยาวสีเหลือง กางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ ส่วนคนเจ็บอีก 6 ราย ซึ่งเป็นเพื่อนแก๊งปั่นจักรยานเสือหมอบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่ง รพ.สิชลก่อนหน้านี้แล้ว

ห่างไปเล็กน้อยพบซากรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน กษ-6825 นครศรีธรรมราช สภาพรถด้านหน้ารถพังยุบ มีนายนัฐพล พัฒน์ชนะ อายุ 32 ปี เป็นผู้ขับขี่ยืนรอมอบตัวในที่เกิดเหตุ และห่างไปประมาณ 28 เมตร พบซากรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงินทะเบียน ผจ-5814 สฎ. จอดรถริมถนน สภาพพังเสียหายด้านท้าย เนื่องจากรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว พุ่งชนท้ายจนเสียหาย คนในรถยนต์กระบะได้รับบาดเจ็บ 4 คนถูกนำส่ง รพ.สิชลก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน รวมคนเจ็บทั้งหมด 11 คน

‘อนุทิน’ นำทัพ คณะ สธ. ร่วม 2 เวทีใหญ่ ประชุม WEF ที่สวิส - ลงนามจีโนมิกส์ที่ลอนดอน

‘อนุทิน’ นำคณะสธ. ร่วม 2 เวทีใหญ่ - ประชุม WEF ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส - การลงนามความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร 17-22 ม.ค. นี้

(16 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 17-22 ม.ค. 66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข มีกำหนดการนำคณะผู้บริหารจากกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วม 2 ภารกิจสำคัญใน 2 ประเทศ ประกอบด้วยการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum (WEF) ณ เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส และการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับการประชุม WEF ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส ปีนี้จัดการประชุมขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 ม.ค. 66 ภายใต้หัวข้อ ‘Cooperation in a Fragmented World’ มีผู้นำระดับสูงทางการเมือง อาทิ ผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีการค้า รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ว่าการธนาคารกลาง และภาคธุรกิจจากทั่วโลกตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วม ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนอกจากนายอนุทินพร้อมคณะแล้ว นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง จะเข้าร่วมในการประชุมด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โดยนายอนุทินพร้อมคณะจะเข้าร่วมประชุมในวันที่ 17-18 ม.ค. 66 ในหัวข้อ Health Systems Transformation ซึ่งที่ประชุมจะหารือกันถึงความร่วมมือระดับโลกทั้งภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับระบบดูแลสุขภาพที่มีความยั่งยืน และหัวข้อ The Pulling Power of ASEAN เกี่ยวกับบทบาทของอาเซียนท่ามกลางการแข่งขันทางภูมิเศรษฐศาสตร์ที่รุนแรง และบทบาทการมีส่วนช่วยสร้างเสถียรภาพและความมั่งคั่งของโลกตลอดจนความร่วมมือในภูมิภาค

รองแม่ทัพฯ 4 ร่วมอาลัย ดร.ปรีดี “วีรบุรุษแนวทางสันติวิธี ชายแดนใต้” ผู้เสริมสร้างความเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

วันนี้ 16 มกราคม 2566 ณ บ้านเลขที่ 160 หมู่ที่ 5 ตำบลยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลตรีปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะ ร่วมไว้อาลัยและแสดงความเสียใจกับครอบครัว ดร.ปรีดี มะนีวัน ที่ปรึกษาสมาคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (POSBO)/ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี ซึ่งเสียชีวิตจากโรคประจำตัว หลังเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี เป็นเวลา 5 วัน จนกระทั่งเวลา 08.00 น. ของวันที่ 15 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ดร.ปรีดี มะนีวัน ได้จากไปอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลปัตตานี

ญาติได้นำศพไว้ที่บ้านพงสตา หมู่ 5 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ก่อนที่จะเริ่มพิธีอาบน้ำศพ ห่อศพ นำไปประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน และนำไปฝังที่กูโบร์ที่บ้านแลเกาะบือแนกือบง โดยมี คณะผู้บังคับบัญชา และข้าราชการ ผู้นำศาสนานักวิชาการ ประชาชนในพื้นที่จากทั่วสารทิศร่วมไว้อาลัย แสดงความเสียใจกับการจากไปของ ดร.ปรีดี มะนีวัน

พลตรีปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ อีกครั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าและพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนในพื้นที่ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการจากไปของทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพและทรงคุณค่า วันนี้มาร่วมไว้อาลัยและเป็นผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ขอแสดงความเสียใจและร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของ ดร.ปรีดี มะนีวัน ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการสร้างความเข้าใจในพื้นที่

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านได้อุทิศตนในการสร้างการรับรู้ทุกเรื่องประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ที่ถูกต้อง นำไปสู่การสร้างความเข้าใจและป้องกันการบิดเบือน ที่จะนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ซึ่งตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ท่านได้ศึกษาในเชิงวิชาการโดยเฉพาะการทำวิจัยเรื่องแผ่นดินร่วมรัฐประวัติศาสตร์ร่วมราษฎร์ เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการอธิบายความหมายให้ประชาชนและสังคมได้เข้าใจโดยใช้หลักการทางศาสนา ความเป็นมาของประวัติศาสตร์ทางเชื้อชาติศาสนาที่ถูกต้อง


© Copyright 2022, All rights reserved. South Time Thailand
Take Me Top